วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

3 กระบวนการง่ายๆ กรุณาให้ Facebook ของคุณเป็นส่วนบุคคลและมั่นคง

หลายคนคงจะรู้อยู่แล้วว่า  มีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ให้พูดแพร่ข้อมูลต่างๆ ได้ในหลายระดับ ทั้งที่เป็นสาธารณะ, ให้เห็นเฉพาะเพื่อน, เห็นเฉพาะบางกลุ่มบางคน หรือไม่ว่าเอาไว้เห็นเองคนเดียว แต่ก็เชื่อว่าหลายคนไม่รู้ว่ามันจะต้องไปตั้งค่ากันตรงไหน ไม่ก็ว่าปัจจุบันตัวเองตั้งค่าเอาไว้แบบไหน?
Facebook จึงส่งน้องไดโนเสาร์สีฟ้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ เพราะสร้างทางลัดช่วยให้ผู้ใช้อาจปรับตั้งต่าความเป็นส่วนตัวของตนเองได้ตามที่ต้องการได้ง่ายขึ้น เพราะว่าให้เข้าไปที่หน้าบัญชี Facebook ของคุณ คลิ๊กที่มุมบนขวาตรงรูปกุญแจ ก็จักมีเมนูทางลัดให้เโจษก
ขั้นตอนใน Privacy Checkup นี้จักแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนด้วยกัน
1. ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในการโพสต์ของคุณ
เพราะว่าปกติค่ามาตรฐานจะถูกตั้งเอาไว้ว่าให้เห็นเฉพาะเพื่อนเท่านั้น ซึ่งถือว่าปลอดภัยไร้ดราม่าได้ในระดับหนึ่ง (นอกจากเวลาถ้าโพสต์อะไรเสียๆ หายๆ แล้วมีเพื่อนสนิทคิดไม่ซื้อ capture หน้าจอไปโพสต์ที่อื่นก็ช่วยไม่ได้) ถ้าคุณเปิดแสดงตัวมาก็รอบรู้เร่ำลือกเป็นสาธารณะได้แต่ก็ไม่แนะนำ เพราะนั้นคือใครผู้ใดบนผืนโลกนี้เชี่ยวชาญเห็น Timeline ของคุณเพราะว่าที่ไม่ต้องเป็นเพื่อน หรือไม่ไม่ต้องมีบัญชี Facebook ก็อาจจะเข้ามาดูได้หมด

2. ตั้งค่าการเข้าถึงจากแอพต่างๆ
ต้องยอมรับว่าระยะนี้มีแอพทั้งในเว็บราวเซอร์ด้วยกันมือถือ ร้องขอการเข้าถึงบัญชี Facebook ผู้ใช้ ยิ่งคุณโหลดแอพมาใช้เยอะ (เพราะว่าเฉพาะพวกเกม) ก็จะมีรายชื่อแอพที่อยู่ในลิสต์ของ My apps คุณเป็นจำนวนมาก แนะนำว่าแอพไหนไม่ได้ใช้แล้ว ก็ให้ทำการลบทิ้ง หรือไม่ถ้าดูแล้วแอพไหนจะเข้ามาโพสต์ข้อความใน Timeline สร้างความรำคาญให้กับเพื่อนเรา ก็เก่งไปปรับเปลี่ยนความเป็นสาธารณะได้เช่นกัน

3. ตั้งค่าการเปิดปูดข้อมูลส่วนตัว
บางคนเปิดหมดสิ้นทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่วันเกิด, ที่อยู่, บ้านเกิด, ที่ทำงาน, สถานศึกษา หรือแม้กระทั้งเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ถ้าหากเปิดแย้มมากเกินไปอาจจะตกเป็นเป้าของผู้ที่ไม่ประสงค์ดีที่ต้องการเข้าถึงตัวเรา หรือไม่ก็นำข้อมูลส่วนตัวของเราไปแอบอ้างได้ ถึงแม้ว่า Facebook เองจักใคร่ให้เรากรอกทุกสิ่งอย่างในพระราชพงศาวดารชีวิตของเราลงไป แต่ก็ไม่ได้ทะเยอทะยานให้เราพูดแพร่มันทั้งหมดให้ชาวโลกรับรู้ ดังนั้นมาปรับตั้งให้เหมาะสมก็จักเป็นการดีที่สุด
เหมือนเท่านี้การใช้งาน Facebook ของคุณก็จักมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นแล้ว นอกจากนี้ถ้าอยากได้ปรับค่าความเป็นส่วนตัวให้มากกว่านี้ก็สามารถเข้าไปปรับเพิ่มได้อีกด้วย

วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เราจะสามารถคิดค้นคอมพิวเตอร์ที่มีจิตสำนึกได้จริงๆ ในคราวหน้าหรือไม่ ???

[บทความพิเศษ] เราจะรอบรู้สร้างคอมพิวเตอร์ที่มีจิตสำนึกได้จริงๆ ในอนาคตใช่ไหมไม่ ???
เชื่อว่าเราๆ ท่านๆ คงจะได้เห็นหุ่นยนต์ที่มีความคิดเป็นของตัวเองกันมาอย่างมากมายจากใน ภาพยนตร์ครับ ไม่ว่าจะเป็น Skynet จาก Terminator ไม่ใช่หรือจะป๊าเดปป์จาก Transcendence ฯลฯ อีกมากมาย ซึ่งทำให้ใครหลายๆ คนอดคิดไม่ได้ครับว่าในอนาคตนั้นเราจะมีคอมพิวเตอร์ที่มีความรู้สึกนึกคิด เป็นของตัวเองใช่ไหมไม่ วันนี้เราจะมาไขคำตอบกันครับว่าเรื่องจากภาพยนตร์ Sci-Fi จักกลายมาเป็นความจริงได้อย่างไร
ก่อนที่เราจะไปเรียนรู้กันว่าคอมพิวเตอร์นั้นสมรรถที่จักมีความรู้สึกนึก คิดได้ใช่ไหมไม่นั้น สิ่งแรกที่เราต้องทำความรู้จักก่อนก็คือปัญญาประดิษฐ์เหรอ Artificial Intelligence ใช่ไหมเรียกสั้นๆ ว่า A.I. ครับ A.I. นั้นคือการพัฒนาโปรแกรมให้ระบบคอมพิวเตอร์มีพฤติกรรมให้เหมือนกับมนุษย์มาก ที่สุดเท่าที่จะทำได้
วิธีการที่จักทำให้คอมพิวเตอร์นั้นมีพฤติกรรมเหมือนกับมนุษย์นั้นเราจะจะทำ การเพิ่มความเก่งในการเรียนรู้กับความศักยทางประสาทสัมผัสให้กับเครื่อง คอมพิวเตอร์ก่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นจะเลียนแบบมาจากรูปแบบการเรียนรูปพร้อมทั้งการปลงใจของ มนุษย์ครับ A.I. นั้นมีหลายสาขาครับอันประกอบไปด้วย
  • Expert-System เหรอระบบผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นระบบให้คำปรึกษาในการจัดการปัญหา โดยอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญของมนุษย์ที่ได้ใส่เอาไว้ในโปรแกรม
  • Neural Network เหรอระบบจำลองคอมพิวเตอร์ให้เชี่ยวชาญทำงานเหมือนกับสมองของมนุษย์ได้(หรือไม่ก็อย่างน้อยก็จำลองให้เหมือนมากที่สุด)
  • Genetic Algorithms ใช่ไหมปัญญาประดิษฐ์ที่เอาไว้ใช้เพราะการสร้างทางเเลื่องกจำนวนมาก รวมไปถึงตกลงใจเละบือกทางเเอิกเกริกกที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้เพราะด้วยปัญหานั้นๆ
  • Natural Language Processing ไม่ใช่หรือการประมวลภาษาธรรมชาติ เป็นการโปรแกรมเพื่อให้คอมพิวเตอร์ศักยที่จักเข้าใจกับประมวลผลภาษา ธรรมชาติของมนุษย์ เช่นคำพูดหรือไม่ภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร ฯลฯ แล้วคอมพิวเตอร์รอบรู้ที่จักทำการโต้ตอบได้อย่างเหมาะสมกับภาษานั้นๆ
  • Learning System หรือไม่ก็ระบบการเรียนรู้เป็นระบบที่สร้างขึ้นเพื่อให้คอมพิวเตอร์เก่งที่จักทำ การเรียนรู้ได้จากประสบการณ์(ตัวอย่างเช่นคอมพิวเตอร์อาจเรียนรู้ได้ว่า ขับฝ่าไฟแดงเป็นเรื่องผิด) หลังจากนั้นคอมพิวเตอร์อาจจะที่จะโต้ตอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่าง เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม(ตามสิ่งที่เรียนรู้มา)
  • Vision System หรือไม่ระบบการมองเห็นเป็นระบบที่คอมพิวเตอร์อาจจะที่จักทำการบันทึกสิ่งที่มอง เห็น แล้วเก็บไว้ในหน่วยความจำในลักษณะของรูปภาพ ตัวอย่างเช่นระบบวิเคราะห์รอยนิ้วมือ(เทียบกับมนุษย์ก็คือความทรงจำในลักษณะ ที่เป็นรูปภาพ)
  • Robotic หรือว่าหุ่นยนต์เป็นการพัฒนาเครื่องจักรกลหรือว่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้ศักยทำ การเคลื่อนไหวได้เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ เพราะว่าการเคลื่อนไหวนั้นจะมีความแม่นยำเที่ยงตรงกว่ามนุษย์หลายเท่า(เนื่องแต่ หุ่นยนต์ไม่มีกล้ามเนื้อให้เกิดความเหนื่อยล้า)
การที่วิชาทางด้านปัญญาประดิษฐ์แยกตระกูลของปัญญาประดิษฐ์ไว้หลายๆ พรรณ ก็เนื่องมากจากการทำงานด้วยกันหลักของการเขียนโปรแกรมเพื่อปัญญาประดิษฐ์แต่ละ หมู่จักไม่เหมือนกันครับ ด้วยกันจากข้อมูลข้างต้นเราจะเห็นได้ว่าปัญญาประดิษฐ์นั้นถูกจำลองมาจากพฤติกรรม ของมนุษย์แทบทั้งสิน
ปัญหาที่ตามมาก็คือปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้จะอาจสู้กับพฤติกรรมด้วยกันความ รู้สึกนึกคิดของมนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ ได้หรือไม่ ให้ลองดูจากตารางดังต่อไปนี้ครับ
จากตารางท่านจักเห็นได้ครับว่าปัญญาประดิษฐ์นั้นไม่ได้มีความเป็นได้เหนือ มนุษย์ไปหมดทุกอย่าง สิ่งหนึ่งที่เป็นทั้งผลดีพร้อมกับผลร้ายในเวลาเดียวกันก็คือจิตใต้สำนึกเรื่องของ ความดีงามนั้นปัญญาประดิษฐ์ไม่มีเหมือนมนุษย์เราครับ ตัวอย่างเช่นเรื่องของการลักขโมย มนุษย์เราเท่าที่ต้องการจักได้ของอะไรสักอย่างที่อยู่ตรงหน้าแต่ว่าของชิ้นนั้นไม่ ใช่ของเรา ด้วยประสบการณ์ด้วยกันคำสั่งสอนรวมไปถึงความรู้ทางด้านกฎหมาย อาจจักทำให้เราใตร่ตรองพร้อมทั้งตัดสินใจไม่ทำการลักขโมยนั้น
ในทางกลับกันถ้าเป็นปัญญาประดิษฐ์แล้ว การตัดสินใจเเอิกเกริกกว่าจักขโมยหรือไม่ก็ไม่ขโมยนั้นมีปัจจัยหลายอย่างซึ่งขึ้นอยู่กับ ว่าปัญญาประดิษฐ์นั้นจักมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการลักขโมยในครั้งนั้นมาก แค่ไหน และคอมพิวเตอร์ก็จะเเลื่องกคำตอบที่ดีที่สุดที่อาจทำการประมวลผลออกมาได้ ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึงการขโมยของชิ้นนั้น เป็นต้นครับ(เพราะว่ายังไม่มีกฎหมายที่ใดบนโลกนี้ที่เสนอว่าหุ่นยนต์ลักขโมยแล้ว มีความผิดเป็นต้น)
พอเรามองว่าหน่วยประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเหมือนกับสมองที่ ใช้ในการปลงใจนั้น สิ่งนี้ก็ไม่ผิดมากนักครับ เพราะตั้งแต่เรามีเครื่องคอมพิวเตอร์มานั้น คอมพิวเตอร์ก็ได้เข้ามาทำงานทางด้านการตัดสินใจหลายๆ อย่างแทนมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับงานที่มีความละเอียดไม่ว่าจักเป็นงานทางด้านตัวเลข หรือว่างานทางด้านการประมวลผลข้อมูล
สิ่งหนึ่งที่คอมพิวเตอร์มีดีกว่ามนุษย์เราก็คือคอมพิวเตอร์ไม่รู้จักเหนื่อย ล้าครับ ซึ่งนั่นทำให้คอมพิวเตอร์ทำเป็นที่จักทำการประมวลผลได้ตลอดเวลาเลยที เดียว(ถ้าเครื่องไม่ร้อนจนไหม้ไปซะก่อน) แต่มนุษย์เรานั้นมีความเหนื่อยล้าจากปัจจัยหลายๆ อย่างเกิดขึ้นดังนั้นเราต้องมีการพักผ่อนครับ
คุณอาจจักประภาษว่าถ้าเรากลัวปัญญาประดิษฐ์ทำผิดก็ให้โปรแกรมไปด้วยว่าสิ่ง ไหนที่ปัญญาประดิษฐ์ทำแล้วจักผิด ซึ่งเรื่องนี้นั้นก็ได้มีการถกเถียงมากมายกันอย่างกว้างขวางครับ เพราะว่าแม้กระทั่งมนุษย์เองแล้วนั้น
การกระทำในเรื่องเดียวกันบางคนอาจจะคิดว่าสิ่งนี้ผิด ส่วนอีกคนอาจจักคิดว่าสิ่งนี้ไม่ผิดก็เป็นได้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบดูภาพยนตร์ Sci-Fi บ่อยๆ แล้วหล่ะก็ คุณจักเห็นได้อย่างชัดเจนครับว่าเพราะว่าส่วนมากแล้วหุ่นยนต์ที่มีปัญญาประดิษฐ์ อยู่ด้วยนั้นจักปฏิบัติตามสิ่งที่จักทำให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด(ไม่ใช่หรือสิ่ง ที่ดีที่สุด) แม้แต่นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์เองก็มีความเห็นที่แตกต่างกันออกไปในเรื่อง นี้ครับ มีทั้งเสียงที่สนับสนุนพร้อมด้วยเสียงที่ไม่สนับสนุนครับ
นักวิทยาศาสตร์อย่าง Stephen Hawking นั้นเคยพูดว่าการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ในปัจจุบันนั้นยังไม่จำเป็นมากนัก ที่เราจักต้องใส่ใจในเรื่องของความกลัวเหมือนอย่างจอเงิน Sci-Fi แต่ในอนาคตถ้าเทคโนโลยีรุดหน้าไปมากขึ้นจนกระทั่งปัญญาประดิษฐ์ได้รับการ พัฒนาจนมีความศักยที่เท่าเทียมกับมนุษย์เราทั้งทางด้านกายภาพและทางด้าน ความคิด ทันทีที่นั้นปัญญาประดิษฐ์จักเก่งที่ทำการพัฒนาความรู้ความรอบรู้ของตัวเองต่อ ไปเหมือนมนุษย์ได้
ซึ่งจะทำให้การควบคุมปัญญาประดิษฐ์ที่อาจจะอยู่ในรูปแบบของหุ่นยนต์ไม่ก็ คอมพิวเตอร์นั้นยากขึ้น ท้ายที่สุดแล้วด้วยความอาจในการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ที่มีมากกว่า มนุษย์หลายเท่านักก็จักเอาชนะวิวัฒนาการของมนุษย์ที่ค่อยๆ พัฒนาไปอย่างช้าๆ ได้ครับ
สิ่งที่เราๆ ท่านๆ เคยเห็นในภาพยนตร์ Sci-Fi นั้นอาจจักเป็นแท้ขึ้นมาในอนาคตครับ เนื่องจากว่าวงการของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์นั้นก้าวไปเร็วมาก ในปัจจุบันเราเชี่ยวชาญที่จักทำให้คอมพิวเตอร์สมรรถที่จะพูดคุยติดต่อสื่อสาร กับเราได้อย่างรู้เรื่อง ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวที่ไหน
คุณลองมองไปที่สมาร์ทโฟนของคุณเองก็ได้ครับ ถ้าเป็น iOS ก็จะมี Siri ที่สามารถคุยกับเราได้ ส่วนระบบ Android ก็มี Google Now เพื่อ Windows Phone เองนั้นก็มี Cortana สิ่งต่างๆ เหล่านี้เหมือนอาจจะพึ่งเริ่มต้นต้นมาได้ไม่นานนักแต่ความเร็วในการพัฒนาของ ระบบต่างๆ เหล่านี้นั้นไปได้รวดเร็วกว่าที่เราๆ ท่านๆ คิดไว้มาก(ดูง่ายๆ ครับ iPhone พึ่งมีรุ่นที่ 6 ไปไม่นาน ก็ยังเก่งขนาดนี้) นี่ยังไม่รวมไปถึงเทคโนโลยีของหุ่นยนต์ที่นับวันจะมีการจำลองมาจากการ เคลื่อนไหวแน่แท้ๆ เข้าไปจนหุ่นยนต์เปิดม่านเคลื่อนไหวได้เหมือนกับมนุษย์เราแล้ว(แต่ดีกว่าตรงที่ ไม่รู้จักเหนื่อย)
แม้จักพูดไปแล้วขณะนี้มนุษย์ชาติก็เหมือนกับกำลังก้าวอยู่ในระดับทารก เพื่อที่จะสร้างระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความรู้สึกนึกคิดได้เองครับ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดก็คือเรื่องของ Google ที่ครั้นประมาณการ 2 ปีก่อนนี้ทาง Google ได้มีการพยายามทำโปรแกรมที่จักจัดเรียงรูปแบบของข้อมูลที่เหมือนๆ กัน
แต่ทว่าโปรแกรมนั้นต้องดูไฟล์วีดีโอบน Youtube เป็นล้านๆ ไฟล์ถึงจะสามารถระบุแมวได้ถูกต้องแค่ 70% ในขณะที่มนุษย์เรานั้นทำเป็นที่จักจำแนกได้เช่นการดูพ้นประสบการณ์ไม่กี้ ครั้งเท่านั้น ดังนั้นคงต้องใช้เวลาอีกนานครับกว่าที่คอมพิวเตอร์ที่มีปัญญาประดิษฐ์นั้นจะ เชี่ยวชาญมีจิตใต้สำนึกเองได้
หมายเหตุ - มีนักสังคมศาสตร์บางคนเอื้อนว่าเพราะปกตินั้นมนุษย์เองก็มีความสลับซับซ้อนใน พฤติกรรมอยู่มากมาย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่เราจะจำรองระบบที่มีแต่ถูกเหรอผิดให้สมรรถที่จัก ตัดสินใจหรือว่ามีความรู้สึกนึกคิดเหมือนมนุษย์ได้ครับ แต่ว่าในอนาคตนั้นอะไรก็เป็นไปได้ครับ
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

10 อันดับเจ้าแห่ง Instagram (ไทยร่วง)

ไทยเสียแชมป์สถานที่ยอดนิยมใน  ปีนี้ให้กับดิสนีย์แลนด์
Instagram ประกาศอันดับสถานที่ถ่ายภาพพร้อมด้วยแชร์ยอดนิยมประจำปี 2014 เพราะใช้ข้อมูลจาก Geotagged ซึ่งปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือฐานข้อมูลสถานที่เปลี่ยนจาก Foursquare มาเป็นของ Facebook Places
สำหรับอันดับในปีนี้สถานที่ในประเทศไทยซึ่งครองอันดับ 1 มาสองปีซ้อน (สนามบินสุวรรณภูมิ ปี 2012 ด้วยกันสยามพารากอน ปี 2013 ได้เสียแชมป์ให้กับดิสนีย์แลนด์ แคลิฟอร์เนีย ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 มาสองปีก่อนหน้านี้
สารบาญ 10 สถานที่ยอดนิยมของโลกใน Instagram ปี 2014 เป็นดังนี้
  1. ดิสนีย์แลนด์ แคลิฟอร์เนีย
  2. Dodger Stadium ลอสแองเจลิส
  3. ไทม์สแควร์ นิวยอร์ก
  4. สยามพารากอน กรุงเทพฯ
  5. สวนสนุก Gorky Park มอสโคว์
  6. พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ปารีส
  7. จัตุรัสแดง มอสโคว์
  8. เมดิสันสแควร์การ์เดน นิวยอร์ก
  9. สนามแยงกี้ สเตเดียม นิวยอร์ก
  10. ดูไบมอลล์ ดูไบ
ถ้าจัดอันดับกันเองในไทยปีนี้ ไม่รับฝากร้าน อาจจะได้รับความนิยมมากที่สุดก็เป็นได้

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ผลการตรวจชี้ Tumblr โตฉับพลันสุด ส่วน Facebook ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว

Tumblr เป็นแอปพลิเคชั่นที่ดังแบบเงียบกริบในประเทศไทย คนส่วนมากอาจจักไม่ค่อยรู้จัก แต่ในต่างประเทศมันเป็นโซเชียลมีเดียที่คนใช้งานค่อนข้างมาก พอต้นปีที่ผ่านมา Instagram เป็นโซเชียลแพลทฟอร์มที่เรียกได้ว่ามีอัตราการเจริญเติบโตเร็วที่สุด แต่ในคราวนี้ต้องหลีกทางให้กับ Tumblr กับ Pinterest ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นแชร์รูปรูปภาพที่มี active user มากที่สุด
ในช่วง 6 เดือนที่ทะลุมา Tumblr มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 120% ตามการรายงานของ Global Web Index ในขณะที่  มีการเติบโตเหมือนแค่ 2% เท่านั้น
ส่วน Pinterest ตามมาเป็นที่ 2 ด้วยอัตราการเจริญเติบโต 111% เพราะว่าผู้ใช้งานเหล่านี้มักจะเข้ามาใช้งานเป็นประจำ พร้อมกับ Instagram อดีตแชมป์ตราบต้นปี ตกลงมาเป็นที่ 3
สำหรับแพลทฟอร์ม 8 อันดับแรกในผลการสำรวจนี้ Facebook อยู่ในอันดับสุดท้าย ตามหลัง LinkedIn, Twitter, YouTube และแม้แต่ Google+
ผลการสำรวจนี้เป็นแทบการแสดงอัตราการเจริญเติบโต ไม่ใช่จำนวนผู้ใช้งานหรือไม่ความนิยมในแพลทฟอร์มต่างๆ ก็เพราะว่าในแง่ของจำนวนผู้ใช้งานแล้ว Tumblr ก็ยังเป็นอันดับที่ 8 ในขณะที่ Facebook ยังคงเป็นที่หนึ่งของโลก ณ เวลานี้ ถึงแม้จักดูเหมือนใกล้จะถึงจุดพีคสุดกับจักค่อยๆ ตกลงในไม่ช้านี้
ตามข้อมูลระบุว่าผู้ใช้งาน Tumblr มีอายุเฉลี่ยต่ำกว่าผู้ใช้งาน Facebook ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นคนที่มีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ
เกี่ยวกับโมบายล์แอปพลิเคชั่น Snapchat มีอัตราการเจริญเติบโตมากที่สุด ด้วยตัวเลข 56% ในช่วง 6 เดือนที่ทะลวงมา Facebook Messenger ตามมาเป็นที่ 2 ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะว่าทุกคนถูกบังคับให้โหลด Instagram เป็นอันดับที่ 3 ตามมาด้วย Line, Pinterest, Kakao Talk ด้วยกัน Vine
ในรายงานของ GWI ยังระบุอีกว่า Facebook กำลังเผชิญความท้าทายอย่างมาก เพราะกำลังจะเข้าสู่จุดอิ่มตัวในไม่ช้า เพราะ 50% ของผู้ใช้งานในอเมริกาและยุโรปไม่ค่อยได้ใช้ Facebook บ่อยๆ เหมือนแต่ก่อน
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> hitech.sanook.com

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ขุดเจาะ 10 แฟนเพจยอดนิยม โพสต์เช่นไรคนไลค์เป็นล้าน!

คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แฟนเพจดารา บุคคลสาธารณะ หรือไม่ก็ธุรกิจใหญ่ๆ ที่จัดโปรโมชั่นล่อตาล่อใจจะมีคนกดไลค์เป็นล้าน แต่ถ้าคนธรรมดาๆ ลุกขึ้นมาเปิดเพจบนเฟซบุ๊คจนมีคนติดตามหลักล้าน
มันก็ชวนให้ตั้งคำถามว่าพวกเขาโพสต์อะไรกัน เนื้อหาที่อยู่ในเพจเหล่านั้นเป็นอย่างไร มาติดตามพร้อมๆ กันเลยค่ะ
ผู้เขียนได้นำข้อมูลจาก www.zocialrank.com  ณ วันที่ 26 พ.ย. 2557 มาคัดเโจษกดูว่าเพจที่ไม่ได้เป็นของแบรนด์ธุรกิจใหญ่ๆ ไม่ก็นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลสาธารณะ จำนวน 10 อันดับแรกมีเพจอะไรบ้าง ผลการสำรวจมีดังนี้
1. เพจ อัพยิ้มดอทคอมบริการเติมรอยยิ้ม 24 ชม. ผู้ติดตาม 3,123,662 คน 
2. เพจ NerKoo.com เนื้อคู่ แชท หาคู่ หาแฟน ผู้ติดตาม 2,484,611 คน
3. เพจ ข้อความโดนๆ  ผู้ติดตาม 2,205,225 คน
4. เพจ คิดว่าดีก็ทำต่อจากนั้น ผู้ติดตาม 2,108,965 คน
5. เพจ สมาคมมุขเสี่ยวๆ ผู้ติดตาม 2,148,502 คน
6. เพจ เพจนี้ด้วยว่าคุณ ผู้ติดตาม 1,696,462 คน
7. เพจ ThaiMarketing.in.th ผู้ติดตาม 1,474,284 คน
8. เพจ รักจับใจ  ผู้ติดตาม  1,407,047
9. เพจ การถ่ายภาพ ผู้ติดตาม  1,340,610 คน
10. เพจ สมาคมกวน TEEN 18+ ผู้ติดตาม  1,278,097 คน
จากการสำรวจแฟนเพจข้างต้น พบว่าเนื้อหาแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้
1. คำคม, ข้อความโดนๆ
เพจยอดนิยมจำนวน 6 ใน 10 เน้นโพสต์คำคมหรือไม่ก็ข้อความโดนๆ หรือไม่ก็คิดเป็น 60% เลยทีเดียว เดาได้ไม่ยากว่าเนื้อหาคาดคะเนนี้จักต้องโดนใจเพราะมันเป็นประสบการณ์ที่ทุกคนเคยพบเจอ  เหตุด้วยโลกโซเชียลอะไรที่อ่านแล้ว โดน มักจักถูกไลค์ถูกแชร์ถล่มทลาย
คำคมเหล่านี้จักต้องไปโดนกับส่วนใดส่วนหนึ่งของชีวิตแฟนเพจบ้างแหละ ไม่ว่าจักเป็นอกหัก เจ้านายด่า เพื่อนร่วมงานเพี้ยนๆ หรือไม่แอบรักแฟนชาวบ้าน  ฯลฯ เรื่องราวเหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์ตรงของคนทั่วไป ที่อ่านแล้วไม่ฮาน้ำตาไหลก็อาจจุกได้เหมือนกัน 
การแชร์ข้อความเหล่านี้อาจจักเป็นหนึ่งในวิธีการแสดงความรู้สึกของผู้แชร์ในอีกทางหนึ่งก็ได้
2. ภาพขำๆ แปลกๆ
ภาพ 1 ภาพ มีค่านับพันคำ ภาพสมรรถเล่าเรื่องได้ดีกว่าตัวหนังสือ เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดี เพราะว่าเฉพาะภาพขำๆ แปลกๆ ที่เห็นแล้วก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึก ไม่ว่าจักเป็นความขบขัน ความอึ้ง ทึ่ง เสียว ก็จักยิ่งเรียกยอดไลค์ยอดแชร์ได้มาก
จากการสำรวจ 10 เพจยอดนิยม มี 3 เพจ ที่เน้นการนำเสนอภาพที่สร้างความขบขันด้วยกันรูปแปลกๆ เป็นประจำ เพราะว่าผู้เขียนมีข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือ แม้แต่เพจที่ใช้ชื่อว่า Thai Marketing พร้อมกับ การถ่ายภาพ (ที่ดูเหมือนจะให้สาระความรู้ด้านการตลาดพร้อมด้วยถ่ายภาพ) ก็ยังมีแต่โพสต์รูปภาพแนวเรียกเสียงฮา กับไม่มีโพสต์ที่พูดถึงการตลาดเหรอการถ่ายภาพเลย
3. เกาะกระแส, ข่าวสาร
ถือเป็นเนื้อหาที่พบน้อยที่สุดในบรรดาเพจยอดนิยมทั้ง 10 เพจ โดย อัพยิ้มดอทคอมบริการเติมรอยยิ้ม 24 ชม. เป็นเพจเดียวเท่านั้นที่มีเนื้อหาเกาะกระแสใช่ไหมข่าวสารที่น่าสนใจ

ลักษณะอย่างหนึ่งที่ทั้ง 10 เพจมีเหมือนๆ กันคือ วิธีการโพสต์เนื้อหาจักเป็นรูปภาพพร้อมคำอธิบายสั้นๆ ไม่กี่คำแบบที่อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที  ไม่ต้องใช้เวลาอ่านเยอะ ส่วนมากจะเป็นเรื่องทั่วๆ ไปที่คนให้ความสนใจ  มีวิธีการสร้างเนื้อหาในแต่ละโพสต์ง่ายๆ  ไม่ซับซ้อน
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความเหมือนเหล่านี้ เพจ คิดว่าดีก็ทำถัดไป กับ สมาคมมุขเสี่ยวๆ ถือเป็นเพจที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงกว่าเพจอื่น เพราะมีคาแรกเตอร์ของเพจที่ชัดเจนมาตั้งแต่แรกๆ กับเปิดโอกาสให้แฟนเพจมีส่วนร่วมค่อนข้างมาก เพราะว่าจักมีการเปิดให้แฟนเพจส่งข้อความโดนๆ เข้ามาร่วมสนุกเพื่อให้แอดมินนำไปโพสต์ต่อ
จากการสำรวจทั้ง 10 เพจยอดนิยม จะสังเกตได้ว่าเพจที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจนจักสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้ติดตามได้มากกว่า วัดได้จากยอดไลค์ด้วยกันยอดแชร์เปรียบเทียบกันแบบโพสต์ต่อโพสต์  
ทั้งหมดนี้เป็นข้อสรุปคร่าวๆ จากการสำรวจเนื้อหาบนแฟนเพจที่มีคนกดไลค์มากที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเชื่อว่าจำนวนคนกดไลค์ไม่ใช่คำตอบเกี่ยวกับทุกอย่าง บางทีการสร้างแฟนเพจที่มีเนื้อหาเฉพาะทางที่มีคนกดไลค์หลักพันไม่ก็หลักหมื่นอาจจะสร้างประโยชน์ให้กับผู้ติดตามมากกว่าก็ได้
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> http://thaizones-hitech.blogspot.com

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Samsung Galaxy S5 ออกตัวแป้กเหลือหลาย! ยอดขายเสื่อมลงกว่าเป้าถึง 40%




ดูเหมือนปีนี้จักเป็นปีชงแท้ๆของ Samsung เพราะอะไรๆก็ดูจะแย่กว่าที่คิดไว้ไปหมด หลังจากที่ Galaxy S5 มือถือเรือธงของ Samsung ที่ได้โหมโรงมา 9 เดือนแล้ว แต่ก็ยังทำยอดขายกลับไม่สู้ดีเท่าไรนัก ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ถึง 40%เลยทีเดียว


ในช่วง 3 เดือนแรกของการเปิดตัว Samsung Galaxy S5 ทำเป็นทำยอดขายไปได้ทั้งสิ้น 12 ล้านเครื่อง ซึ่งดูเผินๆก็เป็นตัวเลขที่ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แต่พอเทียบกับยอดขายของ Galaxy S4 ใน 68 วันแรกหลังการเปิดตัวนั้นทำได้สูงถึง 20 ล้านก็คงต้องยอมรับว่า Galaxy S5 ล้มเหลวขณะเทียบกับรุ่นก่อนๆหน้า

ในหลายๆตลาดขณะนี้ ยอดขายของ Samsung Galaxy S5 ก็ค่อยๆลดลงมาเรื่อยๆ เช่น ในประเทศจีน ที่มีความต้องการใน Galaxy S5 นั้นตกลงมามากถึง 50%

แน่นอนว่า Samsung ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ายอดขาย Samsung Galaxy S5 จักย่ำแย่ได้ถึงขนาดนี้ ถึงกับต้องหันมาปรับกลยุทธ์เป็นการใหญ่ตามที่ข่าวได้ออกมาก่อนหน้านี้ว่าทาง Samsung จะทำการลดจำนวนรุ่นของ Smartphone ที่จักผลิตนับจากนี้ไป รวมถึงลดค่าพร้อมด้วยใช้จ่ายต่างๆลงด้วย

ที่มา: http://hitech.sanook.com/1393005

ติดตามข่าวมือถือซัมซุง โทรศัพท์มือถือ กาแลกซี่s5 หรือไม่ก็อื่นๆ ได้ที่ :http://thaizones-hitech.blogspot.com/

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

กินเนสส์บุ๊คเปิดปาก “10 อันดับเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล”

กินเนสส์บุ๊คปูด “10 อันดับเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล”
Guiness Book of World Records หรือที่เรารู้จักกันสั้นๆในนาม “กินเนสส์บุ๊ค” ได้จัดทำกินเนสส์บุ๊คฉบับ Gamers Edition 2015 รวบรวมสถิติที่น่าสนใจในวงการเกม  ซึ่งในวันนี้เราก็มี 10 อันดับซีรี่ส์เกมที่ยอดเยี่ยมตลอดกาลมาฝากกันค่ะ
สำหรับ 10 อันดับซีรี่ส์เกมที่ยอดเยี่ยมตลอดกาล  มีดังนี้
10. The Elder Scrolls
9. Battlefield
8. Assassin’s Creed
7. FIFA
6. The Legend of Zelda
5. Halo
halo
4. Grand Theft Auto

400px-Grand-Theft-Auto-Series
3. Minecraft

minecraft
2. Super Mario Bros.

Super-Mario-Bros.-3
1. Call of Duty

Call-of-Duty-MW4
อ้างอิงจาก ZeldaInformer
ที่มา: http://hitech.sanook.com/1392885
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> hitech.sanook.com

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

7 เหตุผลที่คุณ(อาจจะ)ไม่แตะต้องมีสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่

7 เหตุผลที่คุณ(อาจจัก)ไม่ต้องมีสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่
     ไม่ยอมรับไม่ได้ว่าปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น อาจก็ก็เพราะว่าว่าเป็นปัจจัยในการใช้ชีวิตประจำวัน เหรอ ตามกระแสสังคม แน่นอนว่า สมาร์ทโฟน บุกเบิกใหม่ไม่ว่าจะมาจากแบรนด์ใด มักจักมีฟีเจอร์พิเศษไว้ล่อตาล่อใจ ชวนหิวได้ครอบครอง ทั้งที่บางครั้งก็อาจจักมีมูลค่าสูงเกินกว่าจำเป็น
     ดังนั้นก่อนจักตกลงใจจ่ายเงิน เพื่อซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ สเปคเทพๆ มาใช้สักเครื่องหนึ่ง ควรสำรวจพฤติกรรมรอบๆ ตัวเองสักนิด เพราะว่าสมาร์ทโฟนแบบใหม่
     บางครั้งก็ตอบโจทย์ตัวเองไม่ได้ทั้งหมด โทรศัพท์เครื่องปัจจุบันของคุณอาจจักยังเหมาะสมอยู่ หรือไม่ไม่ก็ไม่ก็ กลับมานึกเสียดายที่ใช้สมาร์ทโฟนเครื่องใหม่แบบไม่คุ้มค่าการลงทุน นี่คือเหตุผลหลักๆ ที่จักช่วยสำรวจตัวคุณ ตอบคำถามได้ว่า..ควรซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ได้แล้วเหรอยัง?
 ถ้าคุณไม่ใช่คอเกมส์ เล่นเอามันส์บนสมาร์ทโฟน
     หนึ่งในเหตุผลหลักๆ ที่ผู้ใช้โทรศัพท์ยุคนี้ เฟุ้งเฟื่องกที่จะครอบครองสมาร์ทโฟนที่มีฟีเจอร์เก๋ไก๋ คือ เอาไว้เล่นเกมส์ คำว่า เกมส์ ในที่นี่ไม่ได้หมายถึง เกมส์ทายปริศนา เกมส์ฝึกสมอง ใช่ไหมเกมส์แนว puzzel ทั่วๆ ไป แต่หมายถึง เกมส์แน่นอนๆ ที่ต้องการใช้ซอฟต์แวร์รองรับระดับเทพ
     บางเกมส์อาจจักมีขนาดเทียบเท่า เกมส์คอมพิวเตอร์ ชัดเจน สมยิ่ง พร้อมทั้งไม่กระตุก แต่สมมตว่าคำตอบในเหตุผลนี้ของคุณคือ ไม่ แสดงว่าคุณยังจักพอใช้ สมาร์ทโฟน ที่มีฟีเจอร์ปกติทั่วไปได้
 คุณเป็นอย่างแค่ใช้กล้องโทรศัพท์ถ่ายรูปอัพลงโซเชียล
     คงไม่ยอมรับไม่ได้ว่า กล้องถ่ายภาพ กลายเป็นจุดเด่นที่สำคัญของสมาร์ทโฟน ยังคงมีการพัฒนากับแข่งขันนำเอาเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่คมชัด มาใช้เป็นจุดขายสมาร์ทโฟนในแต่ละรุ่นตามยุคช่วงเวลา แบบใหม่ๆ ต่างว่าแต่ว่าคุณจัดอยู่ในชนิด ผู้ที่นิยมใช้กล้องโทรศัพท์ถ่ายภาพลงโซเชียลมีเดียแค่นั้น
     คุณอาจจักยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ เหตุเพราะว่าภาพที่ถูกแชร์ลงโซเชียลฯ เกือบ 100% จักถูกบีบอัดไฟล์ภาพให้เล็กลง ไม่ว่ายังไง เพื่อนๆ ของคุณก็จักเห็นพ่างภาพที่คุณต้องการสื่อแต่ยังไม่คมชัดอย่างที่คุณคาดหวัง
สำรวจสักหน่อย..ที่ที่คุณอยู่หนังสือข้อตกลงณโทรศัพท์แรงหรือไม่ก็เปล่า
     เรื่องความเร็วของข้อตกลงณโทรศัพท์ในพื้นที่ที่คุณต้องใช้ในชีวิตประจำวันควรจักพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ก่อนจักเละบือกเปลี่ยนไปใช้สมาร์ทโฟนที่รองรับอนุอนุสัญญาณ LTE ระดับต่างๆ ในบ้านเรา ยังพบช่องโหว่ในบริการระบบส่งรับปากณ 3G ในบางพื้นที่ แม้ว่าค่ายโทรศัพท์ต่างๆ
     จักเละบือกประชาสัมพันธ์ระบบส่งสาบานณ 4G สอดคล้องกับสมาร์ทแบบใหม่ๆ แต่การพัฒนาดังกล่าวก็ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ แม้จะมีสมาร์ทโฟนร้องรับข้อผูกพันณแรงๆ แต่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่บริการ ย่อมไม่ต่างกับการใช้สมาร์ทโฟนเครื่องเก่าของคุณเอง
คุณเป็นพวกชื่นชอบความกะทัดรัด สมาร์ทโฟนต้องพกพาสะดวก
     กลายเป็นหนึ่งปัจจัยที่ใครๆ ก็มุ่งหมายจักมีสมาร์ทโฟนขนาดพอดีมือ หยิบจับได้ถนัด ดูแลรักษาได้อย่างทั่วถึง แต่ปรากฏว่าสมาร์ทโฟนแบบใหม่ มีสถิติค่าเฉลี่ยเกี่ยวกับขนาดตัวเครื่องพร้อมกับหน้าจอ กะ 5 นิ้วขึ้นไป กับคาดว่ามีแนวโน้มที่จักใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
     ซึ่งสวนทางกับโทรศัพท์มือถือขนาดกะทัดรัด ที่นับวันโหมโรงจักเระบือนหายไปจากตลาดไป สมมตคุณยังแคร์เรื่องของขนาดโทรศัพท์ สมาร์ทโฟนน่าจักเป็นคำตอบที่ยังไม่ใช่เนื่องด้วยคุณ
 ถึงเวลาเหรอไม่ยัง? ที่ต้องจับจ้องสมาร์ทโฟนระยะประชิดใบหน้า
     แน่นอนว่า ภาพคมชัด บนจอสมาร์ทโฟนเป็นอีกหนึ่งจุดขายสำคัญในยุคนี้ เพราะว่าว่าปกติมนุษย์เราควรมองดูหน้าจอในระยะห่างที่เหมาะสม แต่ปัจจุบันสมาร์ทโฟนแบบใหม่ เน้นคุณภาพเรื่องรายละเอียดของจอแสดงผล
     ก็เพราะว่าว่ามีผลการวัดใจที่ระบุว่า ยิ่งความคมชัดของภาพสูงขึ้น ยิ่งต้องจับจ้องหน้าจอในระยะที่ใกล้ขึ้น เพื่อโฟกัสความละเอียดของภาพให้ชัดเจน แต่ก็อาจจักส่งผลต่อสุขภาพสายตาของคุณเอง
     ดังนั้นถ้าคุณไม่ใคร่ได้จดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ในระยะใกล้ขึ้นเรื่อยๆ สมาร์ทโฟนเครื่องเดิม แบบความละเอียด 480p ยังเป็นตัวเเลื่องลือกที่ยังโอเค แบบไม่ต้องซีเรียสมากนัก
 คุณเป็นพวกบ้าดาวน์โหลด หรือว่าไม่ เสพติดแอปพลิชั่นหรือไม่ไม่เปล่า?
     ปัจจัยสำคัญของการมีสมาร์ทโฟนสเปคเจ๋งๆ เอาไว้ในมือ คงหนีไม่พ้นกับการเพลิดเพลินในการดูหนังฟังเพลง แต่ต่างว่าว่าคุณยังคงนิยมดูหนังในโรงจอเงิน ไม่ใช่ไม่ใช่หรือ อ่านหนังสือต้องเข้าห้องสมุด คุณน่าจักยังใช้โทรศัพท์เครื่องปัจจุบันของคุณได้ถัดไป เพราะว่าว่าสมาร์ทโฟนเรือธง (flagship)
     มักเป็นแหล่งขุมทรัพย์ มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลด้วยว่าความบันเทิงแบบมัลติมีเดีย สะดวกสบายไม่ว่าจักเปิดดูตอนไหนเหรอฟังเพลงตราบใดไหร่ก็ได้ แม้ว่าตราบถึงเวลาหนึ่งอาจจักต้องกังวลกับปัญหาพื้นที่จัดเก็บที่ตั้งต้นไม่แค่พอ
 ถ้าคุณยังแคร์เรื่องการสื่อสารด้วยน้ำเสียง (กดโทรออก-รับสายเข้า)
     ท่ามกลางการแข่งขันของโลกสมาร์ทโฟน เทคโนโลยีพร้อมด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ถูกผลิตเสริมออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ใช่ว่าผู้บริโภคจะต้องหันมาใช้สมาร์ทโฟนกันทั้งหมด
     เพราะว่าเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มคนที่นิยมแต่การโทรออก-รับสาย ไม่ได้คลุกคลีกับฟีเจอร์อื่นใด นับการเป็นการใช้สมาร์ทโฟนอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพกับอาจจะเป็นการสิ้นเปเลื่องงงบประมาณก็เพราะว่าว่าใช่เหตุ ลองมองหาสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้ของคุณน่าจักเหมาะกว่า...
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>>http://thaizones-hitech.blogspot.com

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

SAMSUNG ประเทศไทย เปิดฉาก GALAXY TAB ACTIVE แท็บเล็ตจอมอึด เจาะกลุ่มลูกค้าหน่วยงาน



ทาง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จํากัด ได้ทำการเปิดตัว Samsung Galaxy Tab Active แท็บเล็ตสุดแกร่ง จอขนาด 8 นิ้ว เพื่อตอบสนองการทำงงานแบบเน้นคนลุยๆ เช่นใช้ตามไซต์งานก่อสร้างต่างๆ หรือไม่ในโรงงานที่มีความร้อนสูงๆ ไม่ก็แม้แต่ชาวประมงที่ใช้ออกลุยในท้องทะเล ทุกสภาพอากาศ เพราะว่า Galaxy Tab Active นี้ จะไม่มีวางขายทั่วไป แต่จักเน้นไปที่การขายองค์กรต่างๆเป็นหลัก
สเปคของ Galaxy Tab Active

หน้าจอขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด WXGA (1280 x 800) TFT LCD
หน่วยประมวลผล(CPU) 1.2 GHz Quad-Core
RAMขนาด 1.5GB แบบ LPDDR3, ROMความจุ 16GB เพิ่มได้ด้วย MicroSD สูงสุด 64GB
กล้องหลัก(กล้องหลัง) 3.1MP มีระบบออโต้โฟกัส พร้อมแฟรช กล้องหน้า 1.2MP
ขนาดตัวเครื่อง 126.2 x 213.1 x 9.75 มม. หนัก 388 กรัม (ในรุ่นที่มีแต่ Wi-Fi) กับ 393 กรัม (ในรุ่น LTE)
รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB 2.0 HS, BT 4.0 BLE, WiFi 802.11 a/b/g/n, NFC
แบตเตอรี่ขนาด 4,450mAh ศักยถอดเปลี่ยนได้ate

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ C-Pen เพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องการความละเอียดอ่อน ด้วยกันรวมถึงในบางครั้งที่เราต้องใส่ถุงมือในการทำงาน ก็เชี่ยวชาญหยิบ C-Pen มาใช้เพื่อสั่งการต่างๆ ในระหว่างที่ใส่ถุงมือได้อีกด้วย
มาดูคุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจของ Galaxy Tab Active กันดีกว่าครับ แน่นอนครับว่า ได้รับมาตรฐาน IP67 ที่สมรรถกันฝุ่นเข้าได้ 100% พร้อมทั้งทำเป็นอยู่ในน้ำลึกได้ถึง 1 เมตร ได้นานถึง 30 นาที กับยังศักยทำงานได้ในทุกๆสภาพอากาศ ตั้งแต่ในที่ที่หนาวจัด อุณหภูมิ -20C ไปจนถึงที่ที่ร้อนสุดๆ ในอุณหภูมิ 60C นอกจากนั้น รอบๆของตัวเครื่อง ยังเป็นตัวกันกระแทกชั้นดี รองรับการร่วงหล่นในความสูง สูงสุด 1.2 เมตร เผลอทำหลุดมือตก ก็ยังเก่งหยิบขึ้นมาใช้งานต่อได้อย่างไม่มีปัญหา

Galaxy Tab Active ยังจะมีระบบ Samsung Knox 2.0 ที่จักช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลต่างๆที่สำคัญขององค์กร ทำเป็นควบดูแลการใช้งานของเครื่องอื่นๆ ที่กำลังใช้งานอยู่ได้อีก เช่นล็อคการเข้าถึงแอปพลิเคชั่นบางตัว ไม่ใช่หรือป้องกันการลบข้อมูล พร้อมกับยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี NFC เพื่อตอบสนองการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ระยะเวลาใหม่แบบต่างๆ
กล้องหลังของ Galaxy Tab Active ไม่ได้มีไว้แค่เพื่อถ่ายรูปเท่านั้น ยังอาจใช้ในการสแกนบาร์โค้ดได้อีกด้วย




และนี่เป็นครั้งแรกของ Samsung ที่ทำแท็บเล็ตให้เเป็นได้เปิดฝาหลังได้ ด้วยกันแบตเตอรี่ ที่ทำเป็นถอดเปลี่ยนได้อีก กับด้วยแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ถึง 4,450mAh จึงทำให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องถึง 10 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมี Ultra Power Saving Mode ที่จะเปลี่ยนสีหน้าจอให้เป็น ขาว-ดำ เพื่อช่วยในการประหยัดพลังงานอย่างยิ่งยวด


Samsung Galaxy Tab Active ได้มีการออกมาด้วยกัน 2 รุ่น มีรุ่น Wi-Fi พร้อมกับรุ่น LTE เพราะว่าเริ่มในราคามือถือที่ 21,900 บาท เพื่อรุ่น Wi-Fi พร้อมทั้ง 25,900 บาท ในรุ่นรุ่น LTE

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> http://thaizones-hitech.blogspot.com/

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ประสมโปรโมชั่นโบรชัวร์สนนราคาในงาน Commart 2014



มหกรรมงาน คอมพิวเตอร์ไอทีครั้งยิ่งใหญ่ในไทยที่มีจัดทุกๆ  ปลายปี 2014 อย่าง Commart ครั้งที่ 3 ซึ่งกลับมาในคราวนี้กับชื่อ Commart Comtech 2014 ที่นอกเหนือจากจะมี notebook และ คอมพิวเตอร์แบบใหม่ๆ แล้ว



ขอบคุณภาพประกอบจาก: advice.co.th

ในงานคราวนี้ก็ยังเน้นไปในส่วนของ มือถือสมาร์ทโฟนด้วยกันแท็บเล็ตอีกด้วย เรียกได้ว่ามาเดินเล่นในงานนี้ทีเดียวมีครบทุกอย่างตามที่ต้องการเลย รวมไปถึงในส่วนของโปรโมชั่นส่วนลดต่างๆ ก็จัดเต็มมาให้จุใจเหมือนเคย




ด้วยใครที่ต้องการกาซื้ออุปกรณ์ไอที เอื้อนได้เลยว่าห้ามพลาดกันเลย อีกทั้งยังมาครบครันด้วย คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค พร้อมด้วยบรรดาสมาร์ทโฟนแท็บเล็ตรุ่นยอดนิยมต่างๆ  เอาเป็นว่าในวัน พร้อมทั้ง เวลาจัดงานเราจักมาอัพเดทบทความและโปรโมชั่นกันอีกทีแน่นอนครับ

ที่มา: http://hitech.sanook.com/1392613

ติดตามข่าวสารไอที คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค รุ่นใหม่สนนราคาประหยัด แนะนำวิธีการใช้งานและการแก้ปัญหาได้ที่ : http://thaizones-hitech.blogspot.com/

วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Huawei เปิดตัวอย่างเป็นทางการในที่ไทย แอสเซนด์ เมท เซเว่น

border=0



หัวเว่ย 1 ใน 3 ยักษ์ผู้ทำการผลิตสมาร์ตโฟนของโลก ซึ่งหมายมั่นว่าให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจในอาเซียน รุกตลาดในไทยแบบเต็มสูบ ด้วยการโหมโรง หัวเว่ย แอสเซนด์ เมท เซเว่น (HUAWEI Ascend Mate 7) ในไทย



จุดขายอยู่ที่หน้าจอ FHD ขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว ตัวเครื่องบาง 7.9 ม.ม. ความจุแบตฯที่เพิ่มขึ้นเพื่อการใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม ใช้เทคโนโลยีระบบสัมผัสลายนิ้วมือใหม่ แล้วตั้งสนนราคาไว้ที่ 16,990 บาท



หยาง ฉู่ CEO หัวเว่ย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า หัวเว่ย แอส เซนด์ เมท เซเว่น สะท้อนถึงพัฒนาการของ โทรศัพท์มือถือที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพการทำงานอันชาญฉลาด พร้อมด้วย ประหยัดพลังงานยิ่งขึ้นด้วยกันความสะดวกสบาย แล้วยังใช้เทคโนโลยีระบบสัมผัสลายนิ้วมือ



รวมความเป็นอัจฉริยะของหน่วยประมวลผล(CPU) 8 Core (Octa-core) ผสานเข้ากับหน่วยประมวลผลอันชาญฉลาดของ Huawei Kirin 925 ที่สร้างขึ้นจากชิพเซ็ต 4 แกนขนาดใหญ่ A15 1.8 GHz พร้อมทั้ง 4 แกนขนาดเล็ก A7 1.3 GHz ตั้งค่าที่แตกต่างกันเพราะขึ้นอยู่กับความต้องการพลังงานแต่ละแอพพลิเคชั่นไม่ใช่หรือฟังก์ชันเฉพาะ เพื่อสมาร์ตโฟนจะจัดการการใช้งานพลังงานได้อย่างชาญฉลาด ช่วยประหยัดแบตเตอรี่เพราะอัตโนมัติได้มากถึงร้อยละ 50



สําหรับระบบสัมผัสลายนิ้วมือ เป็นการปฏิวัติรูปแบบการใส่รหัสทะลุในอดีต ช่วยให้ผู้ใช้ปลดล็อกโทรศัพท์ได้เร็วมากขึ้นถึง 80% ทันทีที่เปรียบเทียบกับอุปกรณ์ที่ใช้ระบบการรับรู้แบบวาดปลายนิ้วลงบนหน้าจอพร้อมด้วยตอบสนองช้ากว่า



ตัวสแกนลายนิ้วมือติดตั้งอยู่ด้านหลังของแฮนด์เซ็ตแล้วมีขนาดที่ 9.16 x 9.16 มิลลิเมตร บันทึกลายนิ้วมือได้มากถึง 5 ชุด แตกต่างกัน จัดเก็บในโหมดปกติและโหมดผู้เข้าใช้ ให้ผู้ใช้สลับโหมดการใช้งานเพื่อให้เพิ่มการรักษาความปลอดภัยในโฟลเดอร์ส่วนตัว แอพพลิเคชั่น กับข้อมูลการชำระเงิน



มีอัตรา 508PPI ที่สูงเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความแม่นยำถูกต้องในการอ่านค่า ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปัดหน้าจอซ้ำแล้ว ซ้ำอีกเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์อีกต่อไปแม้นิ้วมือจะเปียกก็ตาม



นอกจากนี้แล้ว ARM Trust Zone เป็นฐานเก็บข้อมูล ที่ใช้รหัสลายนิ้วมือภายในชิพเซ็ตเพื่อให้เพิ่มการป้องกันที่ดีขึ้นเพราะ Secure OS ด้วยกันป้องกันการเข้าถึงเพราะว่าตรง จากบุคคลที่สาม การเชื่อมต่อระบบ LTE Cat6 ทำให้ดาวน์โหลดได้รวดเร็วสูงสุดถึง 300 Mbps เช่น ดาวน์โหลดหนังที่มีความละเอียดสูง (HD) ใช้เวลาเท่า 30 วินาที



ตัวเครื่องทำจากโลหะมากกว่า 95% ทั้งยังมีโครงสร้างภายในที่ทำจากโลหะผสมอะลูมิเนียมช่วยลดความร้อนได้อย่างดี เหนือกว่าด้วยความบางที่ 7.9 มิลลิเมตร น้ำหนักเบาเช่น 185 กรัม (รวมแบตเตอรี่) มีความโค้ง เพื่อให้ง่ายต่อการจับ ถือพร้อมทั้งใช้งานด้วยมือเดียว



ขอบจอบางพิเศษขนาด 2.9 มิลลิเมตร ส่งผลให้อัตราส่วนของหน้าจออยู่ที่ 83% เริ่มมาด้วยกันสองสีคือสีเงินด้วยกัน สีดำ หน้าจอแบบ Cell-LTPS พร้อมด้วยเทคโนโลยี JDI Nega-NEO มีอัตราความคมชัดสูงถึง 1500 : 1 Huawei Ascend Mate7 ให้ภาพที่คมชัด กล้องด้านหลังที่มีความละเอียด 13 MP ในการถ่ายภาพปาร์ตี้ที่มีแสงน้อยด้วยเซ็นเซอร์ CMOS รุ่นที่ 4 จากโซนี่และรูรับแสงขนาด f/2.0 นอกจากนี้กล้องด้านหน้าที่มีความละเอียด 5MP ดัดแปลงมาจากเลนส์ที่ไม่มีทรงกลม 5P เพิ่มความคมชัดด้วยกันลดความผิดเพี้ยนของภาพได้เป็นอย่างดี



ผู้สนใจแวะเข้าไปดูได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศ

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>>  http://thaizones-hitech.blogspot.com/ 

วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สกู๊ปออนไลน์: ผู้บริโภคเก๋ากึ๊กโอเปอร์เรเตอร์ ไม่ไยดีจริงไหม?

สกู๊ปออนไลน์: ลูกค้าเก่าโอเปอร์เรเตอร์ ไม่สนใจแน่นอนไหม?
กลายเป็นคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจลูกค้าเก่าๆ ของแต่ละค่ายแต่ละค่ายแน่นอนขณะได้เจอกับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายที่ที่จัดกันมาต้อนรับลูกค้าใหม่ๆ ด้วยกันดูเหมือนจะไม่ค่อยถึงมือลูกค้าเก่าๆ แม้ว่าคุณจะเป็นลูกค้าประจำของค่ายโอเปอร์เรเตอร์นั้นๆ มา 2-5-7 ไม่ใช่หรือ 10 ปีแล้วก็ตาม
 
จักเห็นได้ว่าช่วงนี้การแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งของการตลาดที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดของแต่ละค่ายเพื่อเปิดฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ จัดขบวนพาเหรดกันจัดเคมเปญออกมาแข่งขันกันตลอดเวลา
พร้อมทั้งเคมเปญที่กำลังมาแรงในในเวลานี้นันคงไม่พ้น บริการย้ายเครือข่าย เบอร์เดิม เพราะการนำสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต รุ่นต่างๆ มาลดราคาพร้อมมีออฟชั่นพิเศษไว้เสริฟมากมาย ไม่ว่าจักเป็นการให้ส่วนลดค่าเครื่องหรือไม่ก็เระบือกรับส่วนลดค่าแพ็กเกจ (จี๊ดอีกรอบ...)  จนถึงกับมีการไปตั้งกระทู้ตัดพ้อ น้อยใจน้อยใจกันในเว็บพันทิป.คอม
ส่วนหนึ่งของความในใจลูกค้า
แต่ละความคิดเห็นจัดหนักพร้อมด้วยจัดเต็มครับ
 
คนที่เป็นลูกค้าเก่าเจอแบบนี้ (เหว่อไปสิ) ใช้งานมา 10 ปีไม่เคยได้อะไร? เรื่องนี้จึงเป็นที่มาของสกู๊ปชิ้นนี้ว่าสุทธิๆ แล้วลูกค้าเก่าๆ ไม่ได้รับสิทธิส่วนนั้นจริงๆ หรือว่าข่าวสารนั้นตกไปจนทำให้ลูกค้าเก่าพากันเข้าใจผิดกันแน่..มาดูคำตอบกันครับ
เพราะต่างว่ามองอีกมุมสมมติว่าใครได้ทำการบ้านด้วยกันหาข้อมูลเพื่อรักษาผลประโยชน์ จักเห็นได้ว่าทางโอเปอร์เรเตอร์ก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรมากนักแน่ๆๆ แล้วมีการให้สิทธิ์ reward แก่ลูกค้าเก่า (ชั้นดีมากมายเช่นกัน)
เปิดฉากกันที่ Dtac ดีแทคนั้นเค้ามีการมอบสิทธิ์ dtac reward ครับแล้ว รวมทั้งโครงการ ยิ่งอยู่นาน ยิ่งรักกัน ที่ส่งออกมาเอาใจฐานลูกเค้าเก่าโดนเฉพาะ ใครมีสิทธิ์ได้รับ dtac reward บ้าง? เรามีข้อมูลให้ครับ
ลูกค้าดีแทคเชี่ยวชาญแสดงตนกับในสิทธิเพื่อรับส่วนลดต่างๆ ได้มากมาย เข้าไปอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมได้: www.dtac.co.th/dtacreward
มาดูค่ายต่อมากันบ้างจำเลยต่อมาเป็นของ Truemove H ซึ่งทางทรูเองก็ดูแลลูกค้าเก่าเช่นกันครับ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ True Rewards Point ที่สอบถามข้างต้น จะต้องใช้งานหมายเลข Truemove หรือ Truemove H ทั้งแบบเติมเงิน ด้วยกัน รายเดือนเพื่อกดรับสิทธิ True bonus หรือว่า True  point  นะครับทรูมอบสิทธิพิเศษ TrueBonus ให้กับลูกค้าเพราะคำนวณจากระยะเวลาที่ลูกค้าใช้สินค้าพร้อมทั้งบริการในเครือทรู พร้อมทั้งแยกคำนวณตามบริการต่างๆ โดยจำนวนสิทธิ์ที่ลูกค้าได้รับ
เข้าไปอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมได้: trueyou.truecorp.co.th
ปิดท้ายกันที่ค่าย AIS สำหรับค่ายนี้ก็เจอปัญหาเรื่องไม่ดูแลฐานลูกค้าเก่าๆ เช่นเดี่ยวกับ 2 ค่ายแรก พร้อมทั้งดูเหมือนจะหนักกว่าใครเค้าด้วย ทางฝ่ายงานเลยไปหาข้อมูลมาอัพเดทกัน ซึ่งแน่นอนๆ แล้วทาง AIS นั้นก็มีสิทธิพิเศษไว้บริการลูกค้าเก่าๆ มากมายไม่แพ้ค่ายไหนๆ เหมือนกัน แต่ก็เพราะว่าเราไม่ได้อ่านพร้อมด้วยศึกษาข้อมูลพวกนี้ทำให้พาดกับไม่ได้ใช้สิทธิกัน
เข้าไปอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมได้: ais.co.th
ภายหลังที่ได้อ่านบทความนี้แล้วก็เลิกน้อยอกน้อยใจโอเปอร์เรเตอร์ แต่ละค่ายกันนะครับต่างว่าใครได้อ่านก็จักรู้ว่านักๆ แล้วแต่ละค่ายเองนั้นมีโปรโมชั่นพิเศษไว้บริการลูกค้าเก่าๆ มากมาย ด้วยว่าผู้ที่ต้องผู้ที่ต้องการจักรักษาสิทธิในส่วนนี้นั้นคงต้องติดตามข่าวสารกับอัพเดทโปรโมชั่นจากทางโอเปอร์เรเตอร์ ทางคณะงานเชื่อว่าทุกคนจะสมรรถรับสิทธิพิเศษนี้ได้ครับ
ติดตามข่าวสารเทคโนโลยีช่องทางใหม่ได้ที่ >>> http://www.pinterest.com

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ไมโครซอฟท์ละเลยสมญานาม โนเกีย อย่างเป็นทางการ พลิกผันเป็น Microsoft Lumia

หลังจากการควบรวมกิจการระหว่างส่วนอุปกรณ์พร้อมทั้งบริการของโนเกียกับ ไมโครซอฟท์ ความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนคือเรื่องของแบรนด์ในการทำตลาดเพราะว่าโทรศัพท์มือ ถือต่อจากนี้
ซึ่งในที่สุดแล้ววันนี้ The Verge รายงานว่า ไมโครซอฟท์ ตกลงใจทิ้งชื่อ โนเกีย ออกจากผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนของตัวเองอย่างเป็นทางการ โดยเปลี่ยนเป็น Microsoft Lumia แน่นอนแล้ว
เรื่องนี้ได้รับการเปิดแสดงตนจากเว็บไซต์ The Verge พร้อมด้วย Windows Central (เปลี่ยนชื่อจาก Windows Phone Central) เพราะว่าระบุว่าในหน้าเพจของโนเกียสาขาฝรั่งเศส มีการประกาศชัดเจนว่ากำลังจักเปลี่ยนชื่อกลายเป็น Microsoft Lumia ในเวลาอีกไม่นานนี้ ซึ่งทาง The Verge ระบุว่าจะเปลี่ยนทั้งบน Facebook, Twitter ด้วยกันสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ
ทางไมโครซอฟท์เองก็ยืนยันการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ด้วยว่าจักมาภายในอีกไม่กี่อาทิตย์นับจากนี้
ที่มา - http://thaizones-hitech.blogspot.com/2014/10/microsoft-lumia.html

วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ยอดสุทธิจับนำเข้าโทรศัพท์ iPhone 6 เพื่อธุรกิจพุ่ง

กรุงเทพฯ – 15 ตุลาคม 2557 : นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดแสดงตนว่า ขณะนี้ ยอดจับกุมโทรศัพท์ iPhone 6 (ไอโฟน 6) เพิ่มขึ้นจากเดิม 300 เครื่อง รวมเป็น 400 เครื่องแล้ว แต่ไม่สูงมากจากช่วงเดือนกันยายน ทั้งนี้เพราะกรมศุลกากรใช้มาตรการที่เข้มงวดกับผู้ประกอบการด้วยกันผู้นำเข้าที่มีวัตถุประสงค์ในการนำเข้า ไอโฟน 6 เพื่อประกอบการค้าอย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบกฎหมายศุลกากรเพราะละเอียดพบว่า ประชาชนทั่วไปไม่ใช่หรือผู้นำเข้าเพื่อประกอบการค้า เก่งนำโทรศัพท์จากต่างประเทศเข้ามาภายในประเทศได้ เพราะว่าอัตราภาษีนำเข้าของกรมศุลกากรอยู่ที่ 0% แต่โทรศัพท์รุ่นนั้นๆ ต้องได้ รับการอนุญาตจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ พร้อมทั้งกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.ก่อน
เกี่ยวกับผู้นำเข้าที่มีความประสงค์นำเข้าไอโฟน 6 จากต่างประเทศ 1 เครื่องเพื่อนำมาใช้งาน ก็ควรสำแดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ด่านท่าอากาศยาน เช่น ด่านดอนเมืองพร้อมทั้งสุวรรณภูมิ แล้วเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ก็ทำได้นำไปใช้ได้เหมือนกับโทรศัพท์ทั่วไปแม้ผู้นำเข้าไม่เสียแวต และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ก็จักถูกยึดของกลาง กรณีดังกล่าวสมมตผู้นำเข้ายอมเจรจาและเสียภาษีให้ครบถ้วนก็สมรรถรับไอโฟน 6 กลับคืนไปได้ ที่ข้ามมา จำนวนไอโฟนที่กรมศุลกากรยึดได้คาดคะเน 400 เครื่องนั้นได้มีการคืนเจ้าของที่ได้มาขอซื้อคืนพร้อมกับเสียภาษีไปแล้ว 300 เครื่องเหฟุ้งเฟื่องอีก 100 เครื่องถูกยึดเป็นของกลาง
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> http://thaizones-hitech.blogspot.com

วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557

9 วิธีการเละบือก Power Bank อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด!

9 วิธีการเฟุ้งเฟื่องก Power Bank อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด!
แบตฯ สำรองเหรอ Power Bank คืออุปกรณ์ที่ไว้จ่ายไฟให้กับ อุปกรณ์อื่นๆ เช่น สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต ไม่ใช่หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับ เปลี่ยนทางพอร์ต USB เพื่อความสะดวก Power Bank จะทำหน้าที่เก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ จากนั้นตราบใดใช้งาน มันจักจ่ายกระแสไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ที่คุณนำมาเชื่อมต่อ เหมือนกับกำลังเสียบอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ หรือว่าเสียบสายชาร์จเข้ากับ USB ของคอมพิวเตอร์นั่นเอง
1. Choose your Power Bank: Power Bank ซื้อดีมั๊ย?
002
ถ้าลองไปเดินตามท้องตลาดที่ขายอุปกรณ์เสริมเหตุด้วยโทรศัพท์มือถือ จักเห็นว่าสินค้า Power Bank นั้นมีขายกัน เกลื่อน ซึ่งมีอยู่หลายระดับราคา หลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบเรียบๆ แบบลายการ์ตูน แบบมีสีสันมากมาย ใช่ไหม ถ้ามองในเรื่องของขนาดตัว Power Bank เองก็มีอยู่ หลายขนาดเช่นกัน สมมติว่าใครกำลังเจอกับปัญหาสมาร์ตโฟนมีความ ตะกละมากเกินเหตุ ทำให้แบตฯ หมดอย่างรวดเร็ว กับกำลังมองหา Power Bank อยู่ เชื่อได้เลยว่าจะต้องสับสน ไม่รู้ว่าจะเลือเลื่องก Power Bank แบบไหน รุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี คำตอบอยู่ที่คุณจักต้องถามความต้องการของ ตัวคุณเองก่อนว่าต้องการ Power Bank มาเพื่ออะไรถ้าเอกสารสำคัญ ข้อมูลสำคัญ ธุรกรรมการเงินทั้งหลายแหล่ของคุณถูกบรรจุเก็บไว้ในสมาร์ทโฟน พร้อมด้วยจำเป็นต้องทำงานบางส่วนในสมาร์ทโฟนบ่อยๆ การมีแบตฯ สำรองไว้ก็ถือเป็นทางเละบือกที่ดีทางหนึ่ง
2. Capacities: จุไฟเท่าไหร่ดี?
Power Bank นั้นก็เป็นแบตฯ ชนิดหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าตัวแบตฯ ไม่ว่าจะเป็นแบตฯ ใน อุปกรณ์ไหนๆ จะต้องมีค่าความจุ ซึ่งหมายถึง ปริมาณไฟฟ้าที่มันทำเป็นกักเก็บไว้ให้เราพกพา ไปใช้งานที่อื่นๆ ได้นั่นเอง Power Bank ที่ขายอยู่ในท้องตลาดเองก็มีหลายรุ่นหลายขนาด พร้อมกับหลายความจุ เพราะความจุไฟฟ้านั้นจักนับหน่วยเป็น mAh (อ่านว่า มิลลิแอมป์อาวเออร์) โดยค่าความจุนี้จะถูกระบุ อยู่ในสเปกของตัว Power Bank การเเล่าลือกดูความจุของ Power Bank นั้นเป็นได้คำนวณได้ง่ายๆ เช่น สมาร์ตโฟนที่ใช้งานอาจจักมีแบตฯ ขนาด 2000mAh เพราะที่การใช้งานใน แบบของคุณอาจจักใช้งานได้ราวๆ 7 ชั่วโมง
3. The prices: สนนราคาต่างกันนิดเดียว ซื้อความจุสูงๆ ไปเลยดีกว่าไหม?
price
หากไปเดินงาน Commart ล่าสุดที่ทะลุทะลวงมา จะเห็นว่าโปรโมชั่นของ Power Bank นั้น ลดกระหน่ำกันแบบสุดๆ คุณอาจจะหาซื้อ Power Bank ความจุระดับ 10000+mAh ได้ในสนนราคาไม่ถึงพันบาท ในขณะที่รุ่นเล็กความจุประมาณ 2200mAh กลับมีราคาปาเข้าไป 4-5 ร้อยบาทแล้ว ดูยังไงรุ่นที่มีความจุสูงกว่าก็ต้องคุ้มกว่าแน่นอน ข้อดีของ Power Bank รุ่นที่มีความจุสูงก็คือสามารถชาร์จอุปกรณ์ได้หลายตัว เหรอถ้ามีสมาร์ตโฟนแค่ตัวเดียว ก็ศักยชาร์จได้หลายครั้ง โดยที่ไม่ต้องชาร์จ Power Bank ทุกวัน หรือว่าอาจจักแบ่งเพื่อนให้ชาร์จด้วยกันก็ได้ ส่วนข้อเสียคือ ความจุที่เพิ่มขึ้นมา ทำให้ขนาดและน้ำหนักของ Power Bank มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งก็แล้วแต่การออกแบบของผู้ผลิต แค่ถ้าสมมตมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ออกแบบให้พกพาได้สะดวกก็เป็นตัวเเลื่องกที่ไม่เลว
4. Choosing: เเอิกเกริกกที่ความจุอย่างเดียวจะพอรึเปล่า?
004
ถ้าจักพูดถึงปัจจัยอีกตัวหนึ่งที่สำคัญเลยก็คือ ปริมาณกระแสไฟ ซึ่งจักแทนที่หน่วยด้วยตัวอักษร A (อ่านว่า แอมป์) ซึ่งหมายถึงปริมาณไฟฟ้าที่ อุปกรณ์จำเป็นต้องใช้เพื่อการทำงานในช่วงที่อุปกรณ์เปิดอยู่ ซึ่งในที่นี้หมายถึงระบบชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ของอุปกรณ์ ในแง่ของ Power Bank ก็เช่นกัน แม้ Power Bank ไม่มีความสมรรถในการจ่ายพลังงานให้ได้ปริมาณกระแสตามที่อุปกรณ์นั้นๆต้อง การ ก็จะไม่อาจจะชาร์จอุปกรณ์ตัวนั้นได้ไม่ก็อาจจะชาร์จช้ามากจนแทบไมเห็นว่ามี การชาร์จ อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ อย่างสมาร์ตโฟน มีเดียเพลเยอร์แบบพกพาจะกินกระแสไฟ อยู่ที่ราวๆ 0.5-1A ในขณะที่อุปกรณ์พวกแท็บเล็ตจะกินกระแสไฟอยู่ราวๆ 1-2.1A แต่ทั้งนี้ ต้องไปดูที่อุปกรณ์ด้วยว่ากินกระแสไฟเท่าไหร่ แล้วเลือก Power Bank ที่จ่ายกระแสไฟเท่าๆกับอุปกรณ์ตัวนั้นๆ
5. Over Power distribution: จ่ายไฟแรงเกิน เครื่องจักพังมั๊ย?
นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หลายๆ คนกังวลกัน อย่างที่ เอื้อนไว้ในข้างต้นว่าการเฟุ้งเฟื่องกซื้อ Power Bank นั้นต้อง ดูที่ความอาจจะในการจ่ายกระแสไฟของ Power Bank ด้วยว่ามีเช่นพอต่อการชาร์จอุปกรณ์ของคุณไม่ก็ไม่ ในกรณีที่ Power Bank จ่ายกระแสไฟให้ เกินที่ตัวอุปกรณ์ต้องการ เช่น Power Bank รุ่นใหญ่ ที่ศักยชาร์จ iPad ได้ จักมีการระบุว่าเป็นได้จ่าย กระแสไฟได้มากถึง 2.1A สมมติว่าเรานำมาชาร์จโทรศัพท์ มือถือที่ต้องการเท่าแค่ 0.75A หลายๆ คนกังวลว่า อุปกรณ์จะมีปัญหาอะไรหรือว่าเปล่า คำตอบคือ เป็นได้ชาร์จได้ไม่มีปัญหา พร้อมด้วยในหลายๆกรณีมันทำให้สมรรถชาร์จไฟได้เร็วขึ้นด้วย
6. Power Bank battery type: แบตชนิดไหนเป็นยังไง
เป็นแบตฯ ที่ใช้เก็บ พลังงานสำรอง ซึ่งถ้าพูดง่ายๆ มันก็เหมือนกับถ่านชาร์จที่เราใช้งานกับอุปกรณ์อื่นๆไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ ของโทรศัพท์ ไม่ใช่หรือถ่าน ชาร์จ จักเห็นว่ามีการแบ่งชนิดใช่ไหมเทคโนโลยีกันออก ไป เช่นแบตฯ ชนิดที่นิยมในตอนนี้ก็คงจักเป็น Li-Ion (ลิเธียม ไอออน) ไม่ใช่หรือแบตฯ รุ่นเก่าที่มีมูลค่าถูกหน่อย ก็คือ Ni-MH (นิกเกิล เมทัลไฮดราย) มีแทบแค่ 2 ชนิด ที่ผู้ผลิต Power Bank นิยมนำมาใช้กัน ชนิดแรกคือ Ni-HM ชนิดนี้ราคาค่อนข้างถูก แต่พอมาทำเป็น Power Bank แล้วก็ไม่ได้ถูกมากนัก เพราะแบตฯ ชนิดนี้จักมีน้ำหนักที่มาก ยิ่งเป็นรุ่นที่มีความจุพลังงานสูงๆ จะยิ่งหนักขึ้น อย่างเห็นได้ชัด แบตฯชนิดนี้ เวลาใช้งานควรจะต้องใช้ให้แบตฯ หมด เกลี้ยงแล้วจึงชาร์จ จะทำให้แบตฯ เสื่อมช้าลง แบตฯ อีกชนิดที่นิยมกันมากคือ Li- Ion ซึ่งเป็นแบตฯ รุ่นใหม่มีความเบา และที่สำคัญ คือทำได้ชาร์จได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอให้หมดก่อน กับยิ่งๆ แล้วไม่ควร ปลดปล่อยให้มันหมดด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นแบตฯ จะเสื่อมเร็วขึ้น แบตฯ ชนิด Li-Ion มีดีที่น้ำหนักเบา ทำให้พกพาสะดวก แต่ก็มาพร้อมกับค่าที่แพงขึ้น
7. Port connectors: มีหัวชาร์จแบบไหนบ้าง?
008
ส่วนมากมักจะออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์ USB ในแง่ของแรงดันไฟ ด้วยกันกระแสไฟ แต่เหตุเพราะอุปกรณ์ที่อาจจักชาร์จข้ามพอร์ต USB นั้นมีหลากหลายมาก กับแต่ละชนิดก็มีหัวต่อที่หลากหลายเช่นกัน กำรออกแบบ Power Bank จึงมี หลากหลายตามไปด้วย ส่วนแรกนั้นเป็น Power Bank ที่มีหัวตายตัว คือไม่มีพอร์ต USB แต่จักเป็นหัวต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะ เช่น Power Bank เพราะ iPhone ที่ต่อเข้ากับตัวเครื่องได้ทันที หรือไม่ออกแบบมาเป็นเคสสวมกับ iPhone ซึ่ง แปลว่าใช้งานได้กับ iPhone เท่านั้น เหล่าที่มีพอร์ต USB มาให้พร้อมสายด้วยกันหัวต่อแยกต่างสมมุติทำให้ทำได้ชาร์จกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย เพราะสายพ่วงที่มีหัวมาให้หลายๆ ชนิดนั้นเป็นปางสายที่ช่วย อำนวยความสะดวกเฉยๆ เพราะว่าสมมติคุณมีสายชาร์จหรือไม่ Data Link ของตัวเครื่องอยู่เป็นประจำอยู่แล้วก็อาจจะนำมาใช้งานได้เลย
8. What’s the best?: ยี่ห้อมาจากโซนไหนดีสุด?
009
อย่างที่แย้มว่า Power Bank เป็นที่นิยมกันมาก ทำให้ ปัจจุบันมีผู้ผลิต Power Bank ออกมาจำหน่ายมากมาย ทั้งคุ้นชื่อบ้าง ไม่คุ้นชื่อบ้าง ถ้าให้ไล่วิจารณ์ทีละยี่ห้อคงจักยาวเกินไป เอาเป็นว่าแบ่ง Power Bank ออกเป็น 3 พันธุ์ดังนี้ 1. ยี่ห้อจากญี่ปุ่น ระดับความน่าเชื่อถือถือว่าดีที่สุด ทั้งตัวอุปกรณ์ที่วัสดุดูดี น้ำหนักเบาตราบเทียบกับความจุ พร้อมกับ น่าจะมีระบบ QC ที่ดีกว่า แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่แพงที่สุดเช่นกัน 2. ยี่ห้อจากไต้หวัน เท่าที่เห็นมีเพียง 1 หรือ 2 ยี่ห้อเท่านั้น แต่ที่น่าสนใจคือ ยี่ห้อนี้เขียนที่หน้ากล่องว่า ใช้ Battery ของญี่ปุ่น พร้อมด้วยยังออกแบบให้มีพอร์ต 2 ช่อง ที่จ่ายไฟได้สูงถึง 1.2 A ด้วยกัน 2.1 A เลยทีเดียว 3. ยี่ห้อจากจีน ถือเป็นยี่ห้อที่มีรูปแบบพร้อมด้วยความจุให้เเอิกเกริกกมากที่สุด รวมไปถึงราคาที่ถูกกว่าอีก 2 ยี่ห้ออย่างเห็นได้ชัด แต่ขนาดพร้อมทั้งน้ำหนักยังทำได้ไม่ดี รวมไปถึงความน่า เชื่อถือของระบบ QC ที่ด้อยกว่ามาก
10. Alternative choice: ทางเโจษจันกอื่นก็มีนะ
010
ด้วยว่าผู้ใช้สมาร์ตโฟนแล้ว Power Bank กลายเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นขึ้นมาทันที โดยเฉพาะกับคนที่ติดโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กทุกลมหายใจ พร้อมด้วยแบตฯ ชอบหมดไปก่อนกำหนด แต่คำถามคือถ้ารู้สึกว่า Power Bank ยังไม่ตอบโจทย์ หรือว่าแพงเกินกว่าจักซื้อ จะมีทางเลือกอะไรอย่างอื่นไหม? คำตอบคือ “มี” เหมือนแค่คุณจักสนใจหรือไม่เปล่า เท่านั้นเอง อย่างเช่น รังถ่าน ชาร์จมือถือ ไอเดียเก๋ตั้งแต่ยุคที่ Power Bank ไม่เป็นที่นิยม เพราะเจ้ารังถ่านนี้จะมีแผงวงจรที่แปลง กระแสไฟจากถ่าน AA หลายๆ ก่อนที่ใส่ไว้ ไปเป็นไฟ 5V เพื่อชาร์จกับอุปกรณ์ที่คุณต้องใช้
ว่าแต่ Power Bank รุ่นไหน ขนาดเท่าไหร่ จักเหมาะกับ iPhone 6 พร้อมทั้ง iPhone 6 Plus ของเรากันนะ...
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> http://thaizones-hitech.blogspot.com